Translate

19.11.53 : เชียงใหม่ ครั้งที่ ๑ : Chiang Mai

ตั๋วรถไฟกรุงเทพ-เชียงใหม่



19.11.53 : เชียงใหม่ ครั้งที่ ๑ (เตรียมตัวออกเดินทาง)

กะเอาไว้ว่าจะเขียนเรื่องเตรียมตัวเดินทางไว้นานแล้ว แต่ไม่ได้เขียนสักที 
กลับกลาย ต้องมาเขียนในวันเดินทางเสียนี่ (ไม่ทันแล้วหละ)
จะขึ้นรถหัวค่ำนี้ เขียนได้เท่าไรเท่านั้นแล้วกัน





กระเป๋าเดินทาง


จัดกระเป๋าเดินทางเรียบร้อย พร้อมเสื้อกันหนาวชุดใหญ่ เนื่องจากก่อนหน้านี้แว่วๆ มาว่าหนาวมาก
ทางรีสอร์ตก็บอกหนาวมากให้เตรียมชุดกันหนาวมาเยอะๆ เลยจัดไปเต็มๆ 
แต่เช็คอากาศเมื่อวันก่อน เค้าบอก 3-4 วันหลังจากนี้จะความหนาวเย็นจะลดลง
ไม่รู้ลดลงเท่าไร คงไม่ถึงกับร้อนหรอกนะ 
ตอนแรกที่เช็ค 2 อาทิตย์ก่อน ตัวเมือง 13-8 องศา ยอดดอย 5-3 องศา สะใจเลย
ฟังข่าวหลังสุด ตัวเมอง 15-13 องศา ยอดดอย 8 องศา เอาวะยังไงก็คงจะหนาวอยู่



---------------------------------------------------------
ล่าสุด พยากรณ์อากาศอีก 7 วันข้างหน้า จากกรมอุคุ

อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า
 และมีหมอกหนาในบางพื้นที่
อุณหภูมิต่ำสุด 19-23 องศา

สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาว
อุณหภูมิต่ำสุด 9-15 องศา
โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่
ส่วนมากทางตอนล่างของภาค ตลอดช่วง

ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.
---------------------------------------------------------

สงสัยจะอดหนาว ได้แต่เย็นๆ เท่านั้น




แน่นอนไม่ลืมที่จะต้องเอากล้องไปด้วย
แบตกำลังชาร์ตอยู่ อีกตัวก็กำลังรอชาร์ต
ด้วยความหวังว่าจะได้ภาพสวยๆ มาเก็บไว้เป็นที่ระลึก










จำได้ว่าเคยไปอยู่หลายต่อหลายครั้งที่เชียงใหม่
ไปตอนเด็กๆ กับที่บ้าน กับที่ทำงานของที่บ้าน
แต่ก็จำไม่ได้ว่ากี่ครั้ง เพราะเด็กๆ ไปเที่ยวภาคเหนืออยู่บ่อย / เชียงใหม่, เชียงราย, แม่ฮ่องสอน,
และลำปาง เท่าที่จำได้นะ

เคยได้ซื้อหน้าไม้มาด้วย แต่จำไม่ได้ว่าที่ไหน
แต่ร่ม กับพัดอันใหญ่ไว้ติดผนังบ้าน มาจากเชียงใหม่
น่าจะมาจากเชียงใหม่แน่นอน

สมุดโน๊ต

สมุดบันทึก ตั้งใจที่จะเอาไปจดรายละเอียด ที่กลัวว่ามันจะเยอะจนจำไม่ได้
ยังมีอะไรอีกนะที่ต้องเตรียม ???

อ่อ จองที่พักเรียบร้อย 2 ที่ ใจจริงอยากได้ที่เดียวแต่ที่พักที่อยากได้มันขาดไป 1 วัน
เลยจำเป็นต้องจอง 2 ที่เลย รู้สึกว่าเสียดาย และรู้สึกเสียเวลาในการย้ายที่พักจัง
เหมือนเสียเวลาไปครึ่งวันในการเช็คอิน-เช็คเอ้าท์ จะไปเที่ยวไหนก็ไม่ได้
แต่เอาหละจะบริหารเวลาเที่ยวให้ดีที่สุด ^^

ที่พักแล้วก็ .. ใช่ๆ จองเที่ยวบินขากลับ ... 
ครั้งแรกนะเนี่ยที่จะนั่งเครื่อง ถ้าไม่นับสวนสยามนะ 
ตอนแรกไม่อยากนั่งเครื่องกลับเท่าไร แต่กลัวว่าถ้ากลับรถไฟอีกจะเสียเวลาเที่ยว
และจะเหนื่อยเกินไป 

แต่ขาไปที่นั่งเพราะว่า นั่งไปตอนเย็น ยังไงก็เวลานอนหลับอยู่ดี
ไปถึงนุ้นก็เช้าพอดี ... เช็คอิน แล้วเที่ยวเลย ..

คิดก่อนยังลืมอะไรอีกไหม

ยา, ของใช้, ครบแล้ว
อืมเด๋วต้องเก็บห้องให้เรียบร้อย หมดแล้วมั้ง

เด๋วไปเตรียมตัวเตรียมใจก่อน ...
แล้วจะเขียนบล็อค ส่งรูปเข้ามาทางเมล (เตรียมการสมัครไว้แล้ว)
แล้วยังมีไอโฟน อยู่หวังว่าสัญญาณจะแรงพอนะ
ถ้าไม่ได้ตามนี้ หรือลืม หรือขี้เกียจก็ตอนกลับมาหละ

เจอกัน "เชียงใหม่" อีก 18 ชั่วโมง



------

19.11.53 : เชียงใหม่ ครั้งที่ ๑ (เราจะนอนไปเชียงใหม่)

กลับมาถึงกรุงเทพหลายวันแล้ว แต่ค่อยข้างขี้เกียจเขียน ^^
จดมาเยอะจัดไม่รู้จะเรียบเรียงยังไง อยากจะเก็บไว้ให้หมดทุกความทรงจำ
เขียนทุกอย่างที่จดมาเลยแล้วกัน หุหุ
ที่เริ่มบทเป็น "รถไฟ" เพราะมันนานมากๆ T T จึงต้องจัดให้เป็นพิเศษ
----------------------------------------------------------------------------


"เริ่มออกเดินทาง"
19 พ.ย. 53,
17.30 น. ออกจากที่พัก ตามเวลาที่คาดการณ์ไว้พอดีแป๊ะ
18.15 น. นั่งแท็กซี่มาถึงสถานีหัวลำโพง รถติดมาก นั่งอยู่ในรถคิดว่าจะมาทันไหมเนี่ย ดีที่เผื่อเวลาไว้เยอะ ยังพอมีเวลาหาข้าวกิน
18.45 น. ทานอาหารเสร็จเรียบร้อย เข้ามาจะขึ้นรถไฟ เอ๊ะ! ดูไปดูมา ที่ป้ายยังเป็นรถไฟรอบหกโมงสิบ อยู่เลย กรำแล้วไง (น่าจะซื้อตั๋วรอบนี้ก็ดี ตอนแรกคิดว่ามาไม่ทันเลยไม่ซื้อ) กลับไปนั่งจิบกาแฟ BlackCanyon (ขมมากจะได้หลับไหมเนี่ย) รอรถไฟออก
20.20 น. รถไฟเข้าเทียบชานชลา
21.00 น. รถไฟเริ่มเคลื่อนขบวน จากเวลาเดิม 19.35 น. ดีเลย์ไป ชั่วโมงครึ่งเอง T T เล่นดีเลย์ตั้งแต่ต้นสายเลยหรือเนี่ย



ชานชลาที่5 รถไฟด่วนพิเศษ ขบวนที่13 โบกี้ที่4 ตู้นั่งและนอนชั้น2 ที่นั่ง 39-40
"เราจะนอนไปเชียงใหม่"
ทำไมบอกอย่างนี้หนะหรอ เพราะว่าเราจะนอนไปเชียงใหม่กันจริงๆ
คนอื่นเขาเดินไป นั่งรถไป ขึ้นเครื่องไป แต่เราจะนอนไป ^^.

เราจะนอนไปเชียงใหม่




ขบวนรถไฟออกจากสถานีหัวลำโพงสักพัก ก็มีพนักงานมาขายอาหารบนรถไฟ
ลองซื้อชุดผลไม้มาทาน 1 ชุดน่ากินดี (60.-)
พนักงานขายเดินมาอีกรอบ เลยสั่งอาหารบนรถไฟมาลองทาน
22.00 น. อาหารรอบดึงบนรถไฟ ผจญภัยไปกับกะเพราหมู+ต้มยำไก่+พริกน้ำปลา (90.-) ด้วยความสนุก ทำไมต้องผจญภัย ก็เพราะมันเหมือนการผจญภัยจริงๆ กว่าจะตักเข้าปากได้แต่ละคำ มันช่างยากเย็นจริงๆ แต่อร่อยและสนุกดี

มื้อดึก


ผจญภัยกับอาหารมื้ออร่อยหมดไปอย่างรวดเร็ว กินอิ่มก็อยากหลับ
22.30 น. เข้านอน  - -. แต่สรุปนอนไม่หลับ นั่งมองวิวนอกหน้าต่าง
22.41 น. สถานีอยุธยา
23.45 น. ถึงสถานีลพบุรี อีกไกลไหมเนี่ยกว่าจะถึงเชียงใหม่ เหมือนจะไวนะ แต่ไม่รู้เหมือนกัน เห็นคนพูดกันว่าออกดีเลย์ 2 ชั่วโมง ไปถึงเที่ยงแน่ๆ (ตอนนี้ร้อมมาก ตอนยังไม่ปิดม่านยังเย็นสยาบ ตอนนี้เหงื่อตกเต็มเลย)
24.00 น. หลังจากไปห้องน้ำล้างหน้าล้างตาดับความร้อน กลับมาเช็ค Google Map สถานีลพบุรีที่เพิ่งผ่านมา ยังไม่ถึง 1 ใน 3 ของระยะทางกรุงเทพ-เชียงใหม่เลย T T อีกนานสิเนี่ย (นอนไม่หลับกลัวกระเป๋าเสื้อผ้าที่ไว้ใต้ที่นั่งหายจังเลย แต่มีตำรวจอยู่ที่โบกี้ ไม่เป็นไรมั้ง) หลับดีกว่า Good Night
03.30 น. รถไฟหยุดรอหลีกนาน ตื่นลุกขึ้นมาจะถ่ายภาพป้ายสถานี ดูว่าถึงไหนแล้ว แต่มันมืดมากมองไม่เห็นป้าย เลยถ่ายภาพพระจันทร์มาแทน 
(ใกล้วันลอยกระทงเข้าไปทุกที - นอนต่อดีกว่า)
04.00 น. รถหยุดอีกครั้งถึงสถานีพิษณุโลก
06.15 น. ถึงสนานีศิลาอาสน์
06.40 น. ถึงสถานีปางน้ำผึ้ง
07.45 น. ง่วงนอนจัง อยากนอนก็อยาก อยากขมวิวข้างทางก็อยาก
วิวทุ่งข้าว ทุ่งข้าวโพด ป่าไผ่ ทุ่งดอกหญ้า ต้นไม้ใหญ่ สวนป่า ทิวเขา 
วิวต่างๆ มองผ่านทางหน้าต่าง คล้ายๆ แต่ไม่ซ้ำ และไม่เบื่อ .

มุมมองผ่านกระจก ร.ฟ.ท.

08.50 น. รถไม่รู้เป็นอะไร ขับเดินหน้า ถอยหลังตลอดเลย เดินหน้าช้าๆ แล้วก็ปล่อยรถถอยหลัง หลายรอบแล้วเนี่ย สงสัยว่ากลัวเราถ่ายรูปไม่ทันเลยถอยหลังมาให้ถ่ายเป็นระยะๆ หุหุ .. อ่อ สั่งอาหารเช้ามาลองด้วย (100.-) 



อย่าบอกนะว่าที่ถอยหลังยาวๆเนี่ย (ถอยไหลมากนานด้วย) ถอยหลีกขบวนที่สวนมา ขอบอกว่าถ้าจะถอยไปหลีกที่ที่สับราง ตอนนั้นผ่านมาไกลมากแล้วนะเนี่ย และที่เดินหน้าช้าๆเพื่อขึ้นเนินแล้วใช้แรงเฉื่อยปล่อยให้มันไหลมั้ง . . . กินข้าวเช้าดีกว่า
(ถ่ายรูปผ่านกระจกเนี่ยมันเหมือนหมอกลงเลย)

Breakfast

ณ. โรงเรียน ผาคันวิทยา
09.30 น. สอบถามจากเจ้าหน้าที่รถไฟผู้ดูแลโบกี้ที่ 4 สรุปหัวรถจักรไม่มีแรงขึ้นเขา ต้องเปลี่ยนหัวรถ นเห็นบอกว่าอย่างเร็ว 30 นาที (แล้วอย่างช้าหละเนี่ย T T )  รออีกนาน ทำให้กรุ๊ปทัวร์ชาติต่างชาติเปลี่ยนขบวน ไปขบวนชั้น3 อีกขบวนที่เพิ่งมาถึง หุหุ .. 

กรุ๊ปทัวร์ย้ายขบวน

สรุปรถต้องจอดเฉยๆอย่างน้อย 30นาที มีผู้โดยสารคนไทยของลงไปถ่ายรูป (คิดว่าจะขออยู่เหมือนกัน) ทำให้มีโอกาศครั้งหนึ่งในชีวิตได้ลงไปถ่ายรูประหว่างการเดินทางรถไฟ

ขบวนนี้ที่นอนมา

ถ่ายกันจนเบื่อเลยหละงานนี้ ต่อไปก็รอๆรอ แล้วก็รอ (รอหัวรถจักรมาเปลี่ยน)
เหมือนนักท่องเที่ยวจำนวน 10กว่าคนในโบกี้4 เป็นเจ้าของรถไปเลย . . สบาย


นึกว่ามีอยู่โบกี้เดียวที่ยังมีผู้โดยสาร ไปๆมาๆ นานเข้าเริ่มมีคนจากโบกี้อื่นเดินไปเดินมาสำรวจรถไฟ ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ

10.25 น. รถไฟจอดอยู่ 1 ชั่วโมงผ่านไป ก็เริ่มเคลื่อนขบวนอีกครั้ง นั่งบนรถไม่รู้เลยว่าเขามาเปลี่ยนหัวรถตอนไหน หรือไม่ได้เปลี่ยนหว่า แต่รู้สึกว่ารถเร่งกำลังมากกว่าเดิม ไม่เหมือนตอนแรกที่ค่อยๆไป ได้เก็นวิวเดิมอีกครั้ง 555+ ก้มันเคยผ่านไปแล้วนี่นา แต่ย้อยกลับมาใหม่ (จะแซงรถไฟชั้น 3 เมื่อกี้ไหมเนี่ย)
กลับมาชมวิวผ่านกระจกรถไฟอีกครั้ง


(ผ่านทุ่งนากว้างสุดลูกหู ลูกตา ทิวหญ้าลู่ตามลม น่าลงไปนั่งเล่นจริงๆ )
( ... แต่ตอนนี้รีบไปให้ถึงเชียงใหม่ 55+ ) 


11.05 น. ถึงสถานีแม่เมาะ
11.20 น. ยังอยู่สถานีแม่เมาะ
11.30 น. ยังอยู่ที่เดิม
11.35 น. รถขยับเคลื่อนออกจากสถานี
ทำไมด่วนพิเศษ รอหลีกให้รถธรรมดาเรื่อยเลยเนี่ย น่าให้รถธรรดารอก่อนที่สถานีหน้า Y Y
เค้ามารถด่วนพิเศษนะ T T
จากกำหนดถึงเชียงใหม่เวลา 09.45 น. ตอนนี้อีก 5 นาทีเที่ยง ยังไม่ถึงเลย
11.55 น. สถานีแม่ทะ




12.10 น. สถานีนครลำปาง
เจ้าหน้าที่โบกี้4 บอกว่าอีก 2 ชั่วโมงถึง
มีนักท่องเที่ยวถามพนักงานขายอาหารบอกอีก 2 ชั่วโมงครึ่ง
ตอนแรกนึกว่าเจ้าหน้าที่รถไฟพูดเล่นอีก 2 ชั่วโมง ท่าจะจริงแหะ
(ลำปางไปเชียงใหม่ 2 ชั่วโมง โห... ตอนแรกดีใจนึกว่าใกล้ถึงแล้ว)

12.25 น. ยังอยู่ที่สถานีนครลำปาง โอ๊ยๆ .. ไปได้แล้ว สายแล้วครับ
13.05 น. ข้าวมื้อที่3 บนรถไฟก็ผ่านพ้นไป หวังว่าขันโตกมื้อเย็นที่กะไว้จะได้กินนะ
13.10 น. สถานีแม่ตาลน้อย หยุดรอหลีกใครอีกวะเนี่ย ตูนั่งด่วนพิเศษมานะ
13.20 น. ยังอยู่ที่เดิม
13.50 น. สถานีขุนตาล
14.47 น. สถานีลำพูน (เกินเวลา 2 ชั่วโมงที่เจ้าหน้าที่บอกแล้ว)
เฮ้ย .. ถ้านั่งเพลินๆ ไม่ติดว่าวางแผนเดินเที่ยวในตัวเมืองเชียงใหม่วันนี้ก็ดีอยู่หรอก
15.05 น. สถานีหน้าก็ถึงแล้วจบสิ้นกันซะที
15.10 น. สถานีเชียงใหม่ เย้ เย้ ... วู้ววววววววววววววววววววว



------

19.11.53 : เชียงใหม่ ครั้งที่ ๑ (ต่อไป ณ เชียงใหม่)

เว้นจากการเขียนไปนาน ... ขี้เกียจจริงๆ
ไปกลับมา 2 เดือนยังเขียนไม่เสร็จเลย

----------------------------------------------

ถึงซะทีครับ "เชียงใหม่" จะว่าหนาวก็ไม่นะ จะเย็นก็ไม่เชิง
แน่ๆ คือไม่ร้อนเหมือนกรุงเทพฯ




เริ่มด้วยต้องรีบออกห่างสถานีรถไฟสักที 555+
เช่ารถตุ๊กๆ มาส่งที่โรมแรมมโลตัส ปางสวนแก้ว
จากสถานีรถไฟเชียงใหม่-รร. โลตัส 150.-
โรมแรมดูดีมีระดับดี (ดูจากภายนอก) ^^
พนักงาน bellboy บริการดีมาก บอกรายละเอียดทุกอย่าง แนะนำทุกอย่างที่เขาจำได้
เลยทิปไป 60.-
เข้าห้องพักก็ ... โอเคนะ แต่น่าจะทำให้ดูใหม่กว่านี้สักหน่อย
(กรำ ... ลืมเอาแปรงกับยาสีฟันมา)
เด๋วต้องไปซื้อก่อน ลืมได้ไงหว่า .. ท่องเที่ยวมานานไม่น่าลืมเลย
ออกไปเที่ยวดีกว่า ----  --




-------------------------------------------

ศูนย์วัฒนธรรมเชียงใหม่

อันนี้ตั้งใจมากเลย search หาในเน็ตตั้งแต่กรุงเทพ ว่าจะกินขันโตกได้ที่ไหน ก็เจอที่นี่หละ เป็นถึงศูนย์วัฒนธรรมน่าจะดีแน่ๆ อาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ไม่ลืมที่จะโทรจองล่วงหน้ากันพลาด (จอง 1 ทุ่ม) จองเสร็จไม่รู้ไปไง ถามพนักงานของศูนย์เขาบอกให้นั่งรถแดงไป สะดวงที่สุด ขับรถไปเองยากคนเยอะ รถแดงคนละ 20.-

ก่อนไปนั่งกินลูกชิ้นหน้า Starbucks อร่อยมาก ด้านหน้าโรมแรมหรือกาดสวนแก้วเนี่ย มีเหมือนตลาดนัดขายของเยอะเลย จะเดินเล่นก็กลัวจะไปขันโตกไม่ทัน ร้านกันยังเปิดไม่มาก แถมมีฝนตกปรอยๆลงมาด้วย

นั่งรถไปเริ่มได้สัมผัสบรรยาศเมืองเชียงใหม่ แต่ยังไม่ได้สัมผัสบรรยาศความหนาวเลย นี่ก็ค่ำแล้วน่าจะหนาวกว่านี้นะ (คนที่ไปด้วยกันบอกหนาวแล้ว) สงสัยหนังเราจะหนา  หนังหนาเหมือนวัวเหมือนควาย

พระจันทร์ใกล้วันเพ็ญ @ ขันโตก ศูนย์วัฒนธรรมเชียงใหม่


ไปถึง 18.45 น. ก็จ่ายเงินคนละ 420.- แล้วเข้าห้องแสดงได้เลย (บอกตรงๆ ว่าไม่รู้เลยว่าขันโตกคืออะไร มีอะไรบ้าง ต้องทำตัวยังไง รู้แต่ว่ามีอาหารเหนือให้รับประทานแค่นั้น อยากได้แค่นั้นจริงๆนะ) ถือว่าไม่แพงนะเทียบกับกิน sizzler ต่อคนได้เลย อันนี้มีการแสดงให้ดูด้วย


อาหารอร่อยมาก คิดว่าอาหารจะรสชาติธรรมดาซะอีก (ขายฝรั่ง) แต่รสชาติอร่อยผิดกับที่คาดไว้ มีน้ำพริกอ่อง, น้ำพริกหนุ่ม, แคปหมู, ไก่ทอด ฯลฯ อร่อยทุกอย่างเลย เสียดายน่จะมีพวกขนมจีนน้ำเงี้ยว หรือไม่ก็ช้าวซอย ไม่รู้ว่าแต่ละวันอาหารเหมือนกันไหม
(นั่งพิมพ์อยู่ตอนนี้เริ่มหิวแระสิ)
การบริการทุกอย่างยอดเยี่ยมเอาใจใส่ดี ตั้งแต่ทางเข้าเลย เรื่องอาหารก็คอยมาถามว่าเตฺมอะไรเพิ่มไหม (แนะ .. เติมได้ด้วย) พูดจาไพเราะเสียงน่าฟังทั้ง ช-ญ พูดเนิบๆ แต่ทำงานรวดเร็วจัง


อิ่มมากเลย แต่ไม่ถึงกับจุก อิ่มแบบพอดี พอดี ค่อนไปทางกางเกงคับ 555+ กำลังทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย มีชาวเขา 2 คนกับ 1 ตากล้อง เดินเข้ามาแล้วบอกว่า
"ขอโทษค่ะ รบกวนขอถ่ายรูปหน่อย"
(เห็นมาหลายโต๊ะแล้ว คิดว่าจะต้องบอกหรือเรียกก่อนเสียอีก เขาถึงจะมานะเนี่ย) พูดจบประโยคยังไม่ทันได้ตอบ หรือถามอะไร 2 ชาวเขาเข้ามาประกบด้านซ้าย-ขวาอย่างรวดเร็ว

คิดในใจตอนเห็นโต๊ะอื่นถ่าย (ผู้เข้ามาทานขันโตกส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ) คงอยากเรียกมาถ่ายเป็นที่ระลึก คงราคาประมาณ 100-200 มั้งนะ หรือไม่ก็ฟรี เป็นของสมนาคุณให้แขก แต่เราไม่อยากได้อยู่แล้ว เพราะไม่ได้ถือหรือคิดว่าชาวเขาเป็นเรื่องแปลก จึงไม่จำเป็นต้องเรียกมาถ่าย

ถ่ายเราเสร็จก็ไปถ่ายโต๊ะอื่นต่อ แล้วเราก็ทานอาหารต่อไป พร้อมกับดูการแสดงที่อ่อนช้อยสวยงามต่อไป เวลาผ่านไปสักพัก ตากล้องเดินเขามาพูดว่า
"ขอโทษนะค่ะ ขอถ่ายใหม่อีกรอบ"
คิดในใจช่างเอาใจใส่ภาพของลูกค้าจริงๆ ภาพที่ถ่ายไปคงไม่สวย แต่เอ๊ะ!! ทำไมถ่ายใหม่ทุกโต๊ะหว่า สงสัยไฟล์ที่ถ่ายไปทั้งหมดเสียแน่ๆ ... เหอๆ

ทานๆ สั่งเพิ่ม สั่งเพิ่ม ดูการแสดงมองความงาม ดูสาวสวย และเสียงเพลงเสนาะหู จิบเบียรืเล็กน้อย สวรรค์ชัดๆ อาหารปาก อาหารตา อาหารหู และอาหารใจ

เชิญแขกรำวงมาตราฐาน


และแล้วเสียงคุ้นๆหูก็ดังขึ้น
"ขอโทษนะค่ะ ขอเก็บเงินด้วยค่ะ"
อะ .. อ่าวนึกว่าฟรี เหมือนถูกมัดมือชกเลย
แต่ไม่เป็นไร ถือว่าเป็นที่ระลึกอยู่แล้ว
"เท่าไรครับ"
"ร้อยบาทค่ะ"
"ขอบคุณครับ"
ได้รูปถ่ายกับชาวเขามาใบนึง ในกรอบรูปทำจากผ้า ไว้ตั้งโต๊ะสวยดี


ต่อมาก็มีมาเก็บค่าเครื่องดื่มที่สั่งไป
(ค่าเครื่องดื่มไม่รวมในค่าขันโตก)
ทานของคาวเสร็จมีข้าวแตน+ผลไม้+กาแฟ+ชา มาให้ทานอีก โอ๊ยๆ อิ่มๆ





การแสดงภายในห้องอาหารก็จบลง พิธีกรให้ออกไปชมการแสดงของชาวเขาเผ่าต่างๆที่ด้านนอกอีกประมาณ 10 เผ่าได้มั้ง เสร็จสรรพจบเชิญแขกกลับบ้าน

การแสดงจากชาวเขา 10 เผ่า




-------------------------------------------

ออกจากศูนย์วัฒนธรรม ไม่รู้จะไปเที่ยวไหนต่อดี คิดไม่ออก งั้นขอกลับห้องไปปฎิบัติภาระกิจก่อน อยู่บนรถไฟปฎิบัติภาระกิจไม่ได้เลย T T เสียค่าตุ๊กๆอีกเช่นเคย ศูนย์ฯ-รร.โลตัส 80.-
ทำธุระเสร็จ ก็ยังไม่รู้จะไปไหนดี ลงไปถาม front ว่าไปไหนดี เขาบอกเวลานี้ 3 ทุ่ม คงมีแค่ ... กับ ... (ชื่อผับ แต่จำไม่ได้) ไม่ค่อยอยากไปผับแดนซ์ๆซะด้วยสิ อยากไปนั่งผับฟังเพลงคำเมือง จิบเบียร์เย็นๆ
แต่ดันลืมถาม front ว่ามีไหม


สรุป ออกมาไม่รู้ว่าจะไปไหนต่อดี เดินตามถนนมาสักพัก จะหยุุดข้ามถนน ตรงแจ่งหัวลิน (แจ่งที่ใกล้ๆกับปางสวนแก้ว) ข้ามไม่ได้สักที เชียงใหม่หาทางม้าลายยากจริง แถมถนนก็กว้าง (เป็นบางช่วง) ข้ามลำบาก รอจะข้ามไปเดินเล่นทางฝั่งคูเมืองอยู่ตั้งนาน ยังข้ามไม่ได้เสียที รถก็แล่นมาตลอด จะว่าขับกันเร็วก็ไม่เร็วเท่าไรนะ แต่มันมาแบบเรื่อยๆไม่เว้นว่าง และรถก็ไม่ติด  ไฟแดงแปบเดียว นอกนั้นเขียวตลอด เมื่อข้ามไปเดินเลียบคูไม่ได้ดั่งใจหวัง ก็โบกรถแดงไปประตูท่าแพดีกว่า คนละ 20.- (ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่ารถแดงมันวิ่งเส้นทางยังไงเนี่ย)



-------------------------------------------

ประตูท่าแพ


สวยครับ ประดับโคมไฟเต็มเลย เห็นว่าเป็นงานเทศกาลโคมยี่เป็ง
เดินถ่ายรูป เล่นไปเรื่อย ถ่ายไม่สวยดั่งใจเลย
คนมาเที่ยวกันเยอะเลย ส่วนใหญ่มากับกล้องถ่ายรูปทั้งนั้นเลย
ดูคึกคักมีสีสันจัง แต่อากาศยังไม่เย็นเท่าไร
เดินไปดูของที่ระลึก ตามร้านต่างๆ ในบริเวณนั้น ได้เสื้อสกรีน 'เชียงใหม่' มาด้วย



เดินเที่ยวเล่นหาไรกินอยู่นาน
ถึงเวลาหาทางหลับแล้ว เดินไปเรื่อยๆ รอรถแดง
ระหว่างทางเจอสาวฝรั่งเมา มาซื้อของที่ 7-11 ด้วย
555+ บ่นใหญ่เลยเรื่องความรัก Do u know love?
เห็นซ้อนท้ายหนุ่มไทยมา (หนุ่มไทยเดินเข้าไปซื้อของ)
ชวนเราคุยไปเรื่อยเลยหน้า 7-11 เราก็ได้แต่ยิ้มๆ พยักหน้า
มีบอกด้วยนะ พูดภาษาอังกฤษเป็นไหม ฟังออกไหม
ไอ้เราก็ไม่อยากยุ่งด้วย เลยตอบไปว่า "NO" เท่านั้นแหละ
"นี่ .. คุณมาจากโลกไหนเนี่ย พูดภาษาอังกฤษไม่เป็น"
ทำท่าเหมือนเราเป็นตัวประหลาดเลย ^^'
สรุปจบตรงที่คนที่ไปด้วยเดินออกมา เขาเลยขอโทษเราใหญ่เลย
ฮาดี ... ไปคนเดียว เด๋วจะชวนคุยยันเช้าเลย 555+

ป้ายโฆษณาการท่องเที่ยว ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่

เดินไปเรื่อยๆ ฆ่าเวลา ชมเมือง รอรถแดง
แล้วรถก็มา ขึ้นรถบอกไปโลตัส เขาบอกคนละ 30.-
อ่าว ไหงมีขึ้นราคาละเนี่ย
22.45 น. ถึงห้อง อาบน้ำ ดูทีวี
24.00 น. นอน
ครึ่งวันกับอีกครึ่งคืน ในเชียงใหม่
(15.00 - 24.00 น.)

-------------------------------------------

โรมแรมโลตัส ปางสวนแก้ว www.lotuspskhotel.com

ตั้งนาฬาปลุก 06.45 น. หลับสบายจัง หลับรวดเดียวเช้าเลย
(สงสัยเพลียจากการเดินทาง และไม่ค่อยได้นอน)
ตื่นเช้าตอนนาฬากาปลุก เพราะจะไปสระว่ายน้ำ
อยากเล่นน้ำนะ น่าเล่น แต่มีแผล แดดร้อน แสบผิว

ตื่นมาลงไปทานอาหารเช้า (ยังอิ่มอยู่เลย)
อาหารเช้าเขามี 2 ห้องอาหาร เราได้อัพเกรดให้ไปทานอีกห้องหนึ่ง
ไม่รู้ทำไมถึงอัพให้ เขาบอกทานที่ไหนก็ได้แล้วแต่เรา
เพราะบัตรเราทานได้ทุกห้อง หุหุ
ทานเสร็จก็ไปสระว่ายน้ำ บรรยากาศน่าโดดลงไปนะ
แต่แดดร้อนมาก ดูวิว ถ่ายรูป พอแดดเลียผิวเกรียม ก็กลับห้อง
เก็บของเตรียมตัวย้ายที่พัก ถ่ายรูปห้องเก็บไว้ดีกว่า

check out เสร็จมี bellboy มาเตรียมรับจาก lobby ด้านบนไป lobby ด้านล่าง จะบริการดีไปไหน ... ดีจนไม่อยากให้ทำเลย (ตูต้องจ่ายทิปอีกแล้วสินะ) 40.-
ฝากกระเป๋าที่ bell service เสร็จก็ได้เวลาเดินเล่นรอรถมารับไปรีสอร์ต
ดันหลงในโรมแรมเสียนี่ (โรมแรมกับห้างตึกติดกัน เรียกว่าตึกเดียวกันก็ได้)
จะออกไปซื้อของฝากตามที่พนักงานบอกดันหลง
จะกดเงินค่าเหมารถเที่ยวของวันพรุ่งนี้ด้วย
สรุป ได้ซื้อของฝากแบบรีบๆ แต่ไม่ได้กดเงิน
เพราะรถรีสอร์ตมารอแล้ว T T
มาเร็วจังอ่ะครับ เพิ่งโทรมาบอกกำลังจะมารับ
เราก็นึกว่าอยู่ที่รีสอร์ตกำลังจะออก
มาถึงเลยรู้ว่ามาจาก สนามบินหรือท่ารถหรือสถานีรถไฟ
มิน่าหละมาเร็วจัง ทำเอาเรารู้สึกผิดเลย
ก็มีผู้โดยสารมาด้วยนี่นา ตอนแรกก็คิดว่ามารับเราอย่างเดียว
รู้อย่างนี้บอกยังไม่ต้องมารับก็ดีหรอก อุตส่าห์ให้มารับก่อนเวลาดันมาเร็ว เร็วมากกกก 555+
รีบๆ รนๆ ไปเอากระเป๋าที่ bell service ดันไม่มีคนรับซะนี่
เวลาปกติ บริการดีจัง พอเราจะรีบคนหายไปไหนเนี่ย
รอบนี้ bell service อย่าหวังทิปเลย

-------------------------------------------

เดินทางสู่กฤษดาดอย


ย้อนความกลับไปนิดนึง โทรนัดเจ้าหน้าที่บอกอีก 15-20 นาทีถึง
ไอ่เรากำลังเลือกซื้อของฝากอยู่เลยตอนโทรมา เลยไม่รีบ
ยงัไม่ถึง 10 นาทีดี ก็โทรมาบอกเราว่า พนักงานขับรถมาถึงแล้ว
ไวจังเลยเนี่ย ยังเลือกของฝากไม่เสร็จดีเลย
มะเปงไร มะว่ากัน มาเที่ยวต้องใจเยงๆ
แต่มีแขกท่านอื่นมารอไปด้วยนี่สิ เขาจะคิดว่าเราเป็นคนไม่ตรงต่อเวลาไหมเนี่ย




ทางมาช่างขึ้นเขา ขึ้นดอย ยาวไหลดีจริงๆ
โค้งมากมาย แต่สนุกดี ถ้าขับรถมาเองอันตรายน่าดู
แต่คงไม่อันตรายมากถ้าขับช้าๆ อย่างคนไม่ชินทาง
แต่พี่โชว์เฟอร์เรา ชำนาญมา ขับเพลินเลย ชอบๆ


-------------------------------------------


กฤษดาดอย รีสอร์ต   www.krisdadoi.com

ถึงกฤษดาดอย โอวไม่นะสงสัยเราคาดหวังเยอะไป
แต่ก็ไม่ได้แย่นะ คือในความคิด คิดไว้เยอะมากไง
ที่เห็นนี่ก็เรียกว่าสวยเลยหละ แต่ในที่ฝันไว้ถึงขนาดในเคียงสวรรค์เลย 55+
จะไปขนาดนั้นได้อย่างไรเนอะ
เช็คอินเสร็จให้เรา เปลี่ยนห้องได้ด้วย เพราะหลังเล็กที่อยู่วิวไม่ค่อยสวย แนะนำให้ย้ายไปหลังใหญ่ หลายห้อง แต่วิวสวย แต่ไม่ไปเพราะไม่อยากไปอยู่กับคนเยอะๆ อยากอยู่เงียบๆ พักผ่อน พักผ่อน สบายๆ วิวดี แต่อยู่ใกล้คนที่มากับเป็นครอบครัวใหญ่ เด็กเยอะๆ วิ่งกันบ้าน พังไม่สงบแน่ๆ ^^' ไม่เอาดีกว่า

เก็บของ ชื่นชมความงามของห้องเสร็จ ก็ได้เวลาหิวแล้ว
ทานอาหารที่ห้องอาหาร 'เฟื่องฟ้า' สวยดี วิวดี บรรยากาศดี
มีเสียงน้ำตกดัง ให้ใจเย็นๆ อากาศสดชื่น สุขใจแต้ๆ
ได้เบียร์เย็นๆสักขวดนะ เปรมปรีเลยทีเดียว สั่งอาหาร มี ....

ร้านเฟื่องฟ้า ณ กฤษดาดอย

แนะนำข้าวซอยไก่ อร่อยสุดยอดมาก ..... ขอจบบทความเท่านี้แล้วกัน กว่าจะเขียนจบลืมๆ ความทรงจำไปบ้าง ... เฮ้ออออ จบรวบรัดเลย ณ วันที่ 21.01.2556 21:02 น.

Note



No comments:

Post a Comment

  • รูปภาพส่วนใหญ่ใน Blog นี้ ถ่ายโดย S@NHOPE
  • รูปภาพเกือบทั้งหมดของเวปได้ทำการresizeลง90% อาจทำให้ภาพไม่ชัดเท่าที่ควร
  • หากต้องการโปสการ์ด รูปภาพของทางเวป คลิ้กที่นี่