ไปมาอีกครั้งกับเขาดินวนา ด้วยเนื่องจากความร่มรื่นและอากาศบริสุทธิ์กลางกรุง และเนื่องจากคราวที่แล้วมีเวลาเพียงน้อยนิดในการเดินเที่ยวชม (ไปถึงเกือบจะเย็นแล้ว) เดินชมยังไม่ทันทั่วบริเวณทั้งหมดก็มืดเสียแล้ว มาครวามนี้ไปถึงก่อนเที่ยงมีเวลาเดินจนทั่ว เดินจนเมื่อย สนุกเลย
แต่โชคไม่ดีอีกที่ลืมชาร์ตแบตฯกล้อง เลยถ่ายรูปมาได้ไม่ยุใจเท่าไร สงสัยต้องมีคราวหน้าอีกหน
นี่คือส่วนแรกที่เดินไปชมในคราวนี้ เหตุจากคราวที่แล้วมาไม่ทันได้ดู คราวนี้มาก็รีบเดินไปดูส่วนจัดแสดงเสือให้หายอยาก ในส่วนจัดแสดงของเสือนี้สามารถชมได้ผ่านกระจกอย่างใกล้ชิด หรือดูผ่านคอกจัดแสดง ไม่มีลูกกรงกัน ดูแล้วไม่น่ากลัว แต่น่าตื่นเต้น เพราะเหงเหมือนเราได้ใกล้ชิดกับเสือจริง เสือตัวใหญ่มาก ยิ่งสิงโตด้วยแล้ว ตัวไม่เล็กเลย น่าตื่นเต้นและสวยงามดี
แนะนำผู้เข้าอย่างหนึ่งคือ หากต้องการถ่ายภาพเสือเดินสวยๆ สง่างาม แนะนำให้ไปถ่ายตอนเย็นๆ เพราะตอนกลางวันเสือส่วนใหญ่จะนอนหลับพักผ่อน (เสียดายรอบนี้แบตฯหมดก่อนจะเย็นเสียนี่กระไร)
เสือโคร่ง
เป็นเสือชนิดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ขนสีเหลืองปนเทาหรือเหลืองปนน้ำตาล มีลายดำยาวพาดขวางทั้งตัว หางก็มีลายดำพาดขวางเช่นกัน ดูคล้ายเป็นปล้อง ๆ ปลายหางดำ หลังหูดำและมีจุดสีขาวนวลใหญ่เห็นได้ชัด
เสือขาว
เสือโคร่งขาวมีถิ่นกำเนิดจากประเทศอินเดีย เป็นเสือโคร่งเบงกอล ที่มีลักษณะขนตามลำตัวสีขาว มีลายพาดสีดำ ตาสีฟ้าอ่อน เป็นสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ พบได้น้อยมากในธรรมชาติ โดยเสือโคร่งขาวตัวแรกพบที่ประเทศอินเดีย เป็นเสือโคร่งขาวเพศผู้ชื่อ “โมฮัน” แล้วจึงนำมาเลี้ยงร่วมกับเสือโคร่งเบงกอลเพศเมีย จากนั้นจึงได้ลูกหลานที่เกิดจาก “โมฮัน” ซึ่งเสือโคร่งขาวเช่นเดียวกันต่อมาอีกหลายตัว และมีการนำไปเพาะเลี้ยงในต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา ปัจจุบันมีเสือโคร่งขาวประมาณ 200 ตัว ส่วนใหญ่อยู่ตามสวนสัตว์ต่างๆ
หมีหมา
เป็นหมีขนาดเล็ก ความยาวลำตัวประมาณ 100 - 140 เซนติเมตร หางยาวประมาณ 3 - 7 เซนติเมตร น้ำหนักประมาณ 27 - 65 กิโลกรัม หูเล็กกลม ขนสั้นและบาง สีดำทั้งตัวใต้คอเป็นรูปตัวยูสีเหลือง แต่เลี้ยงไปนาน ๆ สีเหลืองของตัวยู จะเปลี่ยนเป็นสีขาว บริเวณหน้าตั้งแต่ตาไปจนถึงปลายจมูกมีสีค่อนข้างขาว หรือน้ำตาลอ่อน
ยีราฟ
เป็นหมีขนาดเล็ก ความยาวลำตัวประมาณ 100 - 140 เซนติเมตร หางยาวประมาณ 3 - 7 เซนติเมตร น้ำหนักประมาณ 27 - 65 กิโลกรัม หูเล็กกลม ขนสั้นและบาง สีดำทั้งตัวใต้คอเป็นรูปตัวยูสีเหลือง แต่เลี้ยงไปนาน ๆ สีเหลืองของตัวยู จะเปลี่ยนเป็นสีขาว บริเวณหน้าตั้งแต่ตาไปจนถึงปลายจมูกมีสีค่อนข้างขาว หรือน้ำตาลอ่อน
*รู้หรือไม่ว่ากระดูกคอของยีราฟเท่ากับกระดูกคอของมนุษย์*
ม้าลาย
พบทั่วไปในทวีปแอฟริกาแถบที่ราบโล่งทางตอนใต้ของทะเลทรายซาฮาร่า
ชอบอาศัยอยู่ตามที่ราบโล่งที่เป็นหญ้า ชอบอยู่รวมกันเป็นฝูง ฝูงหนึ่งมีหลายร้อยตัวจนถึงเป็นพันก็มี โดยจะเล็มหญ้าหากินร่วมกับสัตว์อื่นในทุ่งกว้าง เช่น นกกระจอกเทศ ยีราฟ แอนตีโลป และสัตว์กีบชนิดอื่นๆ ม้าลายมักจะมีนกกินแมลงจับเกาะอยู่บนหลัง เพื่อช่วยระวังภัยและกินพวกแมลงที่มารบกวน และมีนกกระจอกเทศและยีราฟคอยช่วยเป็นป้อมยามคอยเตือนภัยและระวังภัยให้ เพราะม้าลายสายตาไม่ค่อยดี แต่จมูกและหูไวมาก ฟันคม
นกกระจกเทศ
เป็นนกใหญ่ที่สุดในโลก มีทั้งหมดด้วยกัน 6 ชนิด แยกกันโดยขนาดและสีของผิวหนัง มีความสูงเฉลี่ย 2.5 เมตร หนักถึง 160 กิโลกรัม มีปีกเล็กบินไม่ได้ แต่ขาใหญ่แข็งแรง มีนิ้วเท้าข้างละ 2 นิ้ว วิ่งเร็วได้ถึง 64 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ตัวผู้ขนทั่วตัวสีดำ แต่ขนพวงปลายปีกหางเป็นสีขาว นกกระจอกเทศมีขนบริเวณลำตัว ปีก และหางเท่านั้น ส่วนหัว คอ และขาไม่มีขนเลย ตัวเมียขนสีน้ำตาลคล้ำ
ช้างเอเชีย
ตัวผู้มีงาเรียกว่า "ช้างพลาย" แต่บางตัวไม่มีงาเรียก "ช้างสีดอ" ตัวเมียปกติไม่มีงาเรียก "ช้างพัง" แต่บางตัวอาจมีงาสั้น ๆ เรียกว่า "ขนาย" หนังบริเวณลำตัวหนาราว 1.9-3.2 เซนติเมตร เป็นสัตว์กระเพาะเดียว มีฟัน 26 ซี่ งาคือฟันตัดที่เปลี่ยนแปลงไป จมูกเป็นงวงยาว หลังโก่งโค้งเป็นรูปโดมตลอดแนวหลัง เท้าหน้ามีเล็บ 5 เล็บ เท้าหลังมี 4 เล็บ ปลายงวงมีติ่ง น้ำหนักประมาณ 3-4 ตัน
ต่อไปเป็นการชมนกชมไม้ที่เกาะนก ซึ่งตั้งอยู่บริเวณส่วนกลาง หรือใจกลางของสวนสัตว์ดุสิต
เกาะนกนี้เหมาะกับท่านที่ชอบดูนกเป็นอย่างมาก เหมาะกับเด็กๆ เพื่อฝึกความช่างสังเกตุ
เป็นสถานที่ร่มรื่นมีนกนานาชนิดจัดแสดงไว้ให้ชม แต่ท่านจะหาเจอหรือไม่อยู่ที่ความช่างสังเกตุของท่าน
เกาะนกนี้ยังเป็นที่ซ้อมสำหรับท่านที่ชื่นชอบการถ่ายรูปนกตามป่าเขาต่างๆ
"อยากบอกว่าสนุกมาก ที่เข้ามาถ่ายรูปนกที่นี้"
ส่วนต่อไปจะแนะนำเกี่ยวกับพิพิธภัณฑ์
(coming soon)
No comments:
Post a Comment